รับทำธีสิสมีอยู่จริง ทุกคนรู้ โลกรู้ : ทำไมการจ้างทำวิทยานิพนธ์ยังคงอยู่ในสังคมไทย?

รับทำธีสิสมีอยู่จริง ทุกคนรู้ โลกรู้ : ทำไมการจ้างทำวิทยานิพนธ์ยังคงอยู่ในสังคมไทย?

IS ธีสิส รายงานวิชาการ งานวิจัย สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ใครต่อใครเสียน้ำตามากมาย แถมยังต้องทุ่มเทพลังกาย พลังใจ จนเบิร์นเอ้าต์กันไปมากมายก็มี และอาจทำให้ใครบางคนเลือกไปใช้ทางลัดจากการจ้างทำ

ซึ่งการจ้างทำธีสิสมีอยู่จริง และคุณสามารถเสิร์ชหาในกูเกิ้ลได้โดยง่ายและมีมากมายให้เลือกจนเหมือนธุรกิจนี้เป็นสิ่งที่ทำกันจนเคยชิน บางแห่งให้ข้อมูลว่าทำมาเป็นสิบปี โดยราคาก็จะเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสน มีการรับทำตั้งแต่ช่วยคิดหัวข้อ หรือทำเป็นบทๆ หรือจะให้ทำทั้งเล่ม นอกจากนี้ก็ยังมีการช่วยติวการสอบวิทยานิพนธ์ เผื่อเตรียมตอบคำถามกับอาจารย์ โดยระยะเวลาในการรับจ้างทำอยู่ที่ประมาณ 30 วัน โดยบางแห่งมีการอ้างว่าการรับทำวิทยานิพนธ์ไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย แต่เป็นเพียงผู้ช่วยค้นคว้าข้อมูล และทำให้ผู้ระบบริการไม่ต้องเสียเวลาในการทำงาน

อย่างไรก็ตามมีกฎหมายจาก พรบ. การอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 ที่กล่าวไว้เกี่ยวกับการจ้างวานทำวิทยานิพนธ์ คือ
“มาตรา 70 เพื่อประโยชน์ในการรักษามาตรฐานการอุดมศึกษา หลักธรรมาภิบาล และความซื่อสัตย์สุจริตทางวิชาการ ห้ามมิให้ผู้ใด จ้าง วาน ใช้ให้ผู้อื่นทำผลงานทางวิชาการเพื่อไปใช้ในการเสนอเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษาหรือเพื่อไปใช้ในการทำผลงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขอตำแหน่งทางวิชาการ หรือเสนอขอปรับปรุงการกำหนดตำแหน่ง การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนวิทยฐานะหรือการให้ได้รับเงินเดือนหรือเงินอื่นในระดับที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ก็ตาม
ห้ามมิให้ผู้ใดรับจ้างหรือรับดำเนินการตามวรรคหนึ่ง เพื่อให้ผู้อื่นนำผลงานนั้นไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือโดยสุจริตตามสมควร
มาตรา 77 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 70 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ซึ่งบางครั้งธุรกิจนี้ก็หลบเลี่ยงการใช้คำพูดว่าเป็นการจ้างทำวิทยานิพนธ์ตรงๆ โดยไปใช้คำว่า ‘ให้คำปรึกษาในการทำวิจัย วิเคราะห์ข้อมูล’ เพื่อให้สามารถจดทะเบียนการทำธุรกิจอย่างถูกกฏหมาย และทำให้เรายังคงเสิร์ชเจอได้ง่ายๆ
คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ อะไรทำให้ธุรกิจนี้เติบโตในโลกของการเรียนการศึกษาในไทย

ใบปริญญา = ใบเบิกทาง
ในประเทศที่ใบปริญญาคือใบเบิกทางสู่การยกระดับฐานะทั้งการงาน การเงิน หน้าตา ชื่อเสียง จึงไม่แปลกที่การเรียนจบสูงๆ ได้ใบปริญญาหลายใบ หรือจบปริญญาเอกให้ได้ จะเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ ซึ่งหากการเรียนในระดับที่สูงขึ้น ไม่ได้มาจากความต้องการในการเรียนรู้ หรือสนใจเรื่องราวใดเป็นพิเศษ ความอยากหรือความสนใจในการเรียนหรือทำวิทยานิพนธ์จึงชวนให้หมดพลังโดยง่าย เพราะมองไม่เห็นว่าจะต้องทุ่มเทพลังไปเพื่ออะไร เป้าหมายจึงกลายเป็นทำยังไงก็ได้ให้ได้ปริญญามาครอบครอง
และเพราะการทำงานวิจัยนั้นต้องใช้พลังงานมหาศาลนั่นเอง ทำให้ธุรกิจเหล่านี้เกิดมาเพื่อรองรับความสะดวกสบายเหล่านั้น

ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เราอาจะต้องกลับมาทบทวนเป้าหมายของการเรียนในระดับสูงว่าเราเรียนไปเพื่ออะไร หรือสิ่งนี้กำลังสะท้อนระบบการศึกษาที่ล้มเหลวเมื่อผู้เรียนไม่ได้ต้องการความรู้ แต่ต้องการความสำเร็จมากกว่า ทั้งๆ ที่ การทำวิทยานิพนธ์นั้นเป้าหมายไม่ใช่เพื่อให้ได้รูปเล่มสำเร็จ แต่คือการค้นคว้าและความเข้าใจที่เกิดขึ้นในระหว่างทางที่นั่งทำวิทยานิพนธ์ แต่เพราะรูปแบบวิธีคิดที่ไม่ได้เน้นไปที่ว่าคุณได้เรียนอะไร แต่กลับเน้นไปที่คุณจบระดับไหน จึงกลายเป็นหล่มทางการศึกษาที่ทำให้ธุรกิจเหล่านี้เกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของใครบางคน

‘ระบบ’ ที่อาจยังขาดการตรวจสอบ
โดยตามปกติแล้วเวลาส่งวิทยานิพนธ์ แต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีเกณฑ์หรือวิธีการในการตรวจสอบวิทยานิพนธ์นั้นๆ โดยมีทั้งอาจารย์ที่เป็นที่ปรึกษาที่จะคอยเช็กความคืบหน้าเสมอ ซึ่งจะรู้จักตัวคนทำเป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีกรรมการในการสอบวิทยานิพนธ์ ซึ่งจะช่วยคัดกรองคนที่อาจไปจ้างทำมาได้ผ่านการสอบและตอบคำถาม เกี่ยวกับวิทยานิพนธ์นั้นๆ แต่ก็ยังมีวิทยานิพนธ์ที่ผ่านการจ้างทำหลุดรอดออกมา
จากการสำรวจของเรา มีผู้ให้บริการแห่งหนึ่งอ้างว่ารับทำวิทยานิพนธ์แล้วกว่า 2,500 เล่ม แปลว่าในโลกวิชาการอาจมีงานที่มาจากการจ้างเป็นจำนวน ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของฐานข้อมูลวิชาการในไทยอีกด้วย ซึ่งสิ่งที่ควรตั้งคำถามต่อไปคือ กระทรวงอุดมศึกษาเองมีขั้นตอนหรือออกแบบระบบยังไงให้การตรวจสอบวิทยานิพนธ์นั้นสามารถคัดกรองวิทยานิพนธ์ที่ผ่านการจ้างได้ และทำให้ผู้ที่สามารถจบการศึกษาในระดับสูงนั้นมีคุณภาพอย่างแท้จริง

การพึ่งพาแต่อาจารย์และมหาวิทยาลัยอาจจะยังไม่เพียงพอ แต่จำเป็นต้องไปให้ถึงระบบการตรวจสอบที่มาจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เพื่อให้วงวิชาการได้รับวิทยานิพนธ์ หรืองานด้านวิชาการมีศักยภาพที่ดีพอ ซึ่งจะเป็นแหล่งข้อมูลในการขับเคลื่อนสังคมต่อไป ไม่ใช่มีเพียงแต่งานวิจัยที่ไม่รู้จะนำมาปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาหรือทำความเข้าใจสังคมได้อย่างไร

เพราะสุดท้ายเป้าหมายของการเรียนคือความรู้ที่เชี่ยวชาญ และการสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ก็จะช่วยผลักดัน แก้ไข ทำความเข้าใจสังคมจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าปัญหาการทำวิทยานิพนธ์ยังคงตกอยู่วังวนของความต้องการเพียงแค่ใบปริญญา แต่ไม่สนใจความรู้เนื้อหาที่ได้รับ สุดท้ายแล้วก็กลับไปสู่คำพูดที่ว่าการศึกษาไทยกำลังจะล้มเหลว?

Share:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on pinterest
Pinterest
Share on linkedin
LinkedIn

ขอคำปรึกษา

Tag : การทำ is จ้างทำ is จ้างทำวิจัย จ้างทำวิทยานิพนธ์ จ้างทํางานวิจัย จ้างทําวิจัย ป.ตรี ราคา จ้างทําวิจัยราคา จ้างทําวิจัยราคาประหยัด จ้างทําวิจัย ราคาเท่าไหร่ จ้างทําวิทยานิพนธ์ จ้างทําวิทยานิพนธ์ราคา จ้างวิจัย ทําวิทยานิพนธ์ ทำงานวิจัย ทำงานวิทยานิพนธ์ บริการรับทำวิจัย รับจัดหน้าวิทยานิพนธ์ รับจ้างทำ is รับจ้างทํางานวิจัย ราคาถูก รับจ้างทํารายงาน รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ ราคาถูก รับจ้างเขียนรายงาน รับทำ is รับทำ powerpoint รับทำ spss รับทำ thesis รับทำดุษฎีนิพนธ์ รับทำวิจัย รับทำวิจัยราคาถูก รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำสารนิพนธ์ รับทำแบบสอบถาม รับทำโปรเจคจบ รับทํา thesis รับทํางานวิจัย รับทําปริญญานิพนธ์ รับทํารายงาน รับทําวิจัย ป.ตรี รับทําวิทยานิพนธ์ รับทําวิทยานิพนธ์ ป.โท รับทําวิทยานิพนธ์ ราคา รับทําวิทยานิพนธ์ราคาเท่าไหร่ รับทํา สารนิพนธ์ รับแปลงานวิจัย ราคารับทำวิทยานิพนธ์ วิจัย

Table of Contents

On Key

Related Posts

งานวิจัยเผย : คนที่ทำตัวแปลกๆ หาแฟนง่ายกว่าคนธรรมดา

งานวิจัยเผย : คนที่ทำตัวแปลกๆ หาแฟนง่ายกว่าคนธรรมดา

จากการศึกษางานวิจัยเผยว่า คนที่ทำตัวแปลกๆหรือทำตัวประหลาดแตกต่างจากคนปกติ หรือคนที่มีคาแร็คเตอร์แปลกประหลาดแบบธรรมชาติของเขาเอง สามารถสร้างแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้าม และทำให้มีโอกาสหาแฟนหรือคนรู้ใจได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ใครที่โสดมานานแล้วอยากสละโสด คงจะได้ฤกษ์สละโสดเร็วๆนี้แล้ว . ซึ่งผลวิจัยดังกล่าวข้างต้น อ้างอิงจากวารสารว่าด้วยบุคลิกภาพและจิตวิทยาสังคม (Personality and Social Psychology Bulletin) ของสหรัฐอเมริกา เป็นการเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างทั้งชายและหญิง จากการเลือกเพศตรงข้ามที่สนใจผ่านเว็บไซต์หาคู่เดทออนไลน์ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างทั้งชายและหญิงต่างถูกใจในผู้ที่มีความแปลกกว่าคนทั่วไป ทั้งในเรื่องสไตล์เสื้อผ้า การแต่งตัว รสนิยม และทัศนคติ . บางท่านอาจสงสัยว่า

งานวิจัยเผย : ฝนตกทำให้คนเหงา เป็นเรื่องจริงไม่ได้มโนไปเอง

งานวิจัยเผย : ฝนตกทำให้คนเหงา เป็นเรื่องจริงไม่ได้มโนไปเอง

จากการศึกษาเรื่อง ทำไมฝนตกแล้วต้องเหงา หรือผลกระทบจากสภาพอากาศต่อสภาพจิตใจในเชิงวิทยาศาสตร์และจิตวิทยานั้นพบว่า ในช่วงที่ฝนตก สภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งความชื้นในอากาศที่เพิ่มขึ้น อุณหภูมิที่ลดต่ำลง และแสงสว่างที่ลดน้อยลง ซึ่งอธิบายให้เห็นภาพที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องของแสงสว่างที่ลดน้อยลงในวันที่ฝนตก เพราะร่างกายของมนุษย์มีสิ่งที่เรียกว่า นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) ที่คอยกำหนดการทำงานของสมองและร่างกายในแต่ละช่วงของวัน . ซึ่งแสงส่งผลได้อย่างชัดเจน สามารถนึกถึงอารมณ์เวลาที่ตื่นมาในวันที่มีแสงแดดแรง ท้องฟ้าสดใส และไม่ร้อนจนเกินไป กับวันที่ตื่นมาแล้วท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม อารมณ์ความรู้สึกในวันนั้นก็แตกต่างกันไม่น้อย ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล เพราะการได้รับแสงแดดที่ไม่เพียงพอหรือน้อยลงในตอนเช้าส่งผลต่อการทำงานของนาฬิกาชีวภาพ ต่อเนื่องไปยังสมอง ทำให้สมองผลิตเซโรโทนิน

งานวิจัยเผย : วัยรุ่นที่มีแฟนเป็นซึมเศร้ามากกว่าวัยรุ่นที่โสด

งานวิจัยเผย : วัยรุ่นที่มีแฟนเป็นซึมเศร้ามากกว่าวัยรุ่นที่โสด

วัยรุ่นวัยใสที่ยังไม่มีแฟนหรือแทบจะไม่ได้ไปออกเดทกับใครเขา มักถูกมองว่าขาดเสน่ห์หรือเข้าสังคมได้ไม่ดีนัก แต่ในขณะที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและพฤติกรรมวัยรุ่นในสหรัฐฯ เชื่อกันมานานว่า วัยรุ่นที่มีคู่คบหาดูใจจะมีโอกาสพัฒนาทักษะทางสังคมและวุฒิภาวะทางอารมณ์ได้ดีกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน แต่แล้วความเชื่อนี้กำลังจะเปลี่ยนไป . เนื่องจากทีมนักวิจัยด้านสาธารณสุขจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียของสหรัฐฯ ได้มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาล่าสุดลงในวารสาร “สุขภาพในโรงเรียน” (Journal of School Health) โดยระบุว่า ผลการติดตามเก็บข้อมูลระยะยาวเป็นเวลา 7 ปีกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียน ตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ชี้ว่าวัยรุ่นที่ไม่ได้คบหาเป็นแฟนกับใครและไม่ค่อยได้ออกเดทนั้น ไม่ได้มีพัฒนาการทางจิตวิทยาตามวัยด้อยไปกว่าเพื่อนที่มีแฟน หนำซ้ำยังมีทักษะทางสังคมที่ดีกว่า และมีภาวะซึมเศร้าน้อยกว่าด้วย

รู้หรือไม่ ผู้บริโภค 85% เชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ทีม-การแข่งขัน

รู้หรือไม่ ผู้บริโภค 85% เชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ทีม-การแข่งขัน

รู้หรือไม่ ผู้บริโภค 85% เชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ทีม-การแข่งขัน . เนื่องจากการสำรวจพฤติกรรมการรับสื่อและทัศนคติต่อการรับชมโฆษณา-แคมเปญการตลาดของผู้บริโภคชาวไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทางบริษัท นีลเส็น มีเดีย ประเทศไทย หนึ่งในบริษัทวิจัยสื่อ-การตลาดรายใหญ่ สามารถประมวลเป็นเทรนด์สำคัญที่จะส่งผลกับการสื่อสารและทำการตลาดของภาคธุรกิจในปี 2566 นี้ . พบว่า ผู้บริโภค 85% เชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ทีม-การแข่งขัน และ 61% เลือกซื้อสินค้าที่เป็นสปอนเซอร์การแข่งขัน รวมถึง